การเดินทางช่วยให้เราเข้าใจความหมายของชีวิตและช่วยให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น ทุกการเดินทางเราจะมองโลกด้วยสายตาใหม่
ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากในแต่ละปี รวมถึงบุคคลที่ทำงานหรือศึกษาในประเทศไทยและเดินทางไปมาระหว่างสองประเทศ การเลือกสายการบินที่หลากหลายและมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน รวมถึงการทำความเข้าใจกฎระเบียบล่าสุดของสายการบิน ความผันผวนของราคาตั๋วเครื่องบินตามฤดูกาล และการใช้บริการจากบริษัทท่องเที่ยวมืออาชีพ จะช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่นและสะดวกยิ่งขึ้น
Air China: เป็นสายการบินหลักของจีนที่มีเครือข่ายเส้นทางกว้างขวาง มีเที่ยวบินจากเมืองหลักในประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ และภูเก็ต ไปยังเมืองสำคัญของจีน เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางโจว ตัวอย่างเช่น มีเที่ยวบินตรงทุกวันจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในกรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งแคปิตอล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง 11 นาที Air China มีคุณภาพการบริการสูง อาหารบนเครื่องบินหลากหลาย ที่นั่งสะดวกสบาย และมีสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับสมาชิก
China Eastern Airlines: มีบทบาทสำคัญในเส้นทางประเทศไทยไปจีน มีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ไปยังเมืองในภูมิภาคตะวันออกของจีน เช่น เซี่ยงไฮ้ หางโจว และนานกิง เช่น เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปเซี่ยงไฮ้ มีหลายเที่ยวต่อวัน ใช้เวลาเดินทางเฉลี่ยประมาณ 4 ชั่วโมง 36 นาที China Eastern ปรับปรุงการบริการอย่างต่อเนื่อง และบางเที่ยวบินมีระบบความบันเทิงบนเครื่องบินที่มีเอกลักษณ์
China Southern Airlines: ให้บริการเที่ยวบินตรงจากเมืองในประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ และกระบี่ ไปยังกวางโจว เซินเจิ้น และอู่ฮั่น ตัวอย่างเช่น เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปกวางโจว มีความถี่สูง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 57 นาที China Southern มีเครือข่ายเส้นทางที่ครอบคลุมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีน้ำหนักสัมภาระที่สมเหตุสมผล เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่นำสัมภาระจำนวนมาก
Thai Airways International: เป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศไทย ครอบคลุมหลายเมืองในจีน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 Thai Airways ปรับนโยบายสัมภาระสำหรับชั้นประหยัด โดยน้ำหนักสัมภาระที่อนุญาตสำหรับชั้น Standard (K/S/V) และ Saver (W/L) ลดลงจาก 25 กิโลกรัมเป็น 23 กิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2568 ห้ามใช้แบตเตอรี่สำรองระหว่างการบินเพื่อความปลอดภัย เพื่อตอบสนองความต้องการ Thai Airways วางแผนเพิ่มเที่ยวบินไปจีนเป็น 35 เที่ยวต่อสัปดาห์ โดยเส้นทางกรุงเทพฯ-ปักกิ่งเพิ่มจาก 7 เที่ยวเป็น 11 เที่ยวต่อสัปดาห์ และกรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้เพิ่มจาก 7 เที่ยวเป็น 10 เที่ยวต่อสัปดาห์
Thai AirAsia: เป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่ได้รับความนิยมจากราคาตั๋วที่ไม่แพง ให้บริการ 11 เส้นทางไปจีน รวมถึงกรุงเทพฯ-ปักกิ่ง กรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้ (จากทั้งท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิ) และกรุงเทพฯ-กวางโจว แม้เป็นสายการบินต้นทุนต่ำ Thai AirAsia ยังคงปรับปรุงการบริการ โดยมีตัวเลือกอาหารและสินค้าบนเครื่องบินให้ผู้โดยสารเลือกซื้อ
Nok Air: ให้บริการบางเส้นทางจากประเทศไทยไปจีน เช่น เที่ยวบินเช่าเหมาลำจากกรุงเทพฯ ไปยังบางเมืองในจีน สายการบินนี้มีเอกลักษณ์ด้วยฝูงบินที่เป็นชั้นประหยัดทั้งหมด ความหนาแน่นของที่นั่งสูง และให้บริการสัมภาระฟรี รวมถึงผลิตภัณฑ์การเดินทางแบบ “อากาศ + ทางบก” และ “อากาศ + ทางน้ำ”
น้ำหนักสัมภาระ:
สายการบินส่วนใหญ่จำกัดขนาดและน้ำหนักของสัมภาระที่นำขึ้นเครื่อง โดยทั่วไป ขนาดรวมของสามด้านต้องไม่เกิน 115 เซนติเมตร (อาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามสายการบิน) และน้ำหนักอยู่ระหว่าง 5-10 กิโลกรัม ตัวอย่างเช่น Air China อนุญาตให้ผู้โดยสารชั้นประหยัดนำสัมภาระขึ้นเครื่องได้ 1 ชิ้น น้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัม
สำหรับสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง น้ำหนักที่อนุญาตในชั้นประหยัดมักอยู่ระหว่าง 20-32 กิโลกรัม เช่น China Eastern อนุญาตให้ผู้โดยสารชั้นประหยัดทั่วไปมีสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง 23 กิโลกรัม สายการบินบางแห่งอาจมีน้ำหนักสัมภาระเพิ่มเติมสำหรับสมาชิกหรือชั้นที่นั่งพิเศษ
สินค้าปลอดภาษี: สินค้าที่ซื้อจากร้านปลอดภาษีในประเทศไทยสามารถนำขึ้นเครื่องได้ตามกฎของสายการบินและศุลกากรจีน เช่น สินค้าปลอดภาษีที่เป็นของเหลวต้องอยู่ในถุงพลาสติกใสที่ปิดผนึก และปริมาณของเหลวรวมต่อคนต้องไม่เกิน 2 ลิตร
สิ่งของอันตราย: ห้ามนำสิ่งของที่ติดไฟ ระเบิดได้ มีพิษ มีฤทธิ์กัดกร่อน หรือมีกัมมันตภาพรังสี รวมถึงดอกไม้ไฟ น้ำมันเบนซิน แอลกอฮอล์ (เกินปริมาณที่กำหนด) ยาฆ่าแมลง และสารกัมมันตรังสี
ข้อจำกัดของของเหลว: ของเหลว เจล และสเปรย์ที่นำขึ้นเครื่อง ต้องมีปริมาณต่อขวดไม่เกิน 100 มิลลิลิตร และต้องใส่ในถุงพลาสติกใสขนาด 1 ลิตรที่ปิดผนึกได้ โดยจำกัด 1 ถุงต่อคน สำหรับสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง ข้อจำกัดของของเหลวจะผ่อนปรนกว่า แต่ยังคงห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากเกินไป
กฎเกี่ยวกับแบตเตอรี่สำรอง: ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2568 Thai Airways ห้ามใช้แบตเตอรี่สำรองระหว่างการบิน สายการบินจีนส่วนใหญ่กำหนดให้ต้องพกพาแบตเตอรี่สำรองขึ้นเครื่องเท่านั้น ห้ามโหลดใต้ท้องเครื่อง โดยแบตเตอรี่ที่มีความจุไม่เกิน 100Wh สามารถนำขึ้นเครื่องได้โดยตรง ส่วนแบตเตอรี่ที่มีความจุ 100Wh ถึง 160Wh ต้องได้รับอนุญาตจากสายการบิน และนำขึ้นเครื่องได้สูงสุด 2 ก้อน โดยห้ามใช้ระหว่างการบิน
ฤดูท่องเที่ยว (พฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ และกรกฎาคมถึงสิงหาคม):
หลายคนมักถามว่า ตั๋วเครื่องบินไปจีนราคาเท่าไหร่ ในช่วงฤดูท่องเที่ยวยอดนิยมนี้ ซึ่งตรงกับช่วงพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ อากาศในประเทศไทยเย็นสบายและเป็นช่วงวันหยุดตรุษจีนที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางจำนวนมาก ราคาตั๋วเครื่องบินจึงสูง เช่น ตั๋วไปกลับกรุงเทพฯ-ปักกิ่ง อาจมีราคาประมาณ 16,000-32,000 บาท (คำนวณจาก 4,000-8,000 หยวน คิดที่อัตราแลกเปลี่ยน 4 บาทต่อ 1 หยวน) ขึ้นอยู่กับสายการบินและเวลาการจอง ช่วงกรกฎาคมถึงสิงหาคมเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของจีน ความต้องการท่องเที่ยวครอบครัวสูง
ฤดูฝน (เมษายนถึงมิถุนายน และกันยายนถึงตุลาคม): เป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวน้อยลง อากาศร้อนและบางพื้นที่อยู่ในฤดูฝน ราคาตั๋วเครื่องบินต่ำลง เช่น ตั๋วไปกลับกรุงเทพฯ-ปักกิ่ง อาจมีราคาประมาณ 8,000-16,000 บาท
ช่วงปกติ (มีนาคมและพฤศจิกายน): ราคาตั๋วอยู่ในระดับปานกลาง อากาศเริ่มดีขึ้นและจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ในระดับปานกลาง ราคาตั๋วไปกลับกรุงเทพฯ-ปักกิ่ง อาจอยู่ที่ประมาณ 12,000-24,000 บาท
Flyingwaves บริษัทท่องเที่ยวมีประสบการณ์ในการจองตั๋วเครื่องบินและจัดเตรียมการเดินทาง ด้วยความสัมพันธ์อันดีกับสายการบินต่างๆ สามารถให้ราคาตั๋วเครื่องบินที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเที่ยวเดียว ตั๋วไปกลับ หรือตั๋วแบบหลายเมือง Flyingwaves จัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการเดินทางในประเทศไทย บริษัทสามารถจัดทริปตามความต้องการของนักท่องเที่ยว รวมถึงการจองโรงแรม ตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว และการจัดยานพาหนะในท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการท่องเที่ยวในประเทศไทยก่อนกลับจีน บริษัทสามารถจัดทริปไป Grand Palace ในกรุงเทพฯ หรือเกาะ Phuket เพื่อให้การเดินทางสนุกสนานและจองตั๋วกลับจีนได้อย่างราบรื่นในที่เดียว