การเดินทางช่วยให้เราเข้าใจความหมายของชีวิตและช่วยให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น ทุกการเดินทางเราจะมองโลกด้วยสายตาใหม่
สารบัญ
บันทึกการเดินทางเฉิงตู (Chengdu) – เอ๋อเหมยเล่อซาน (Emei-Leshan)
ความประทับใจแรกที่เฉิงตู (Chengdu)
การสำรวจตรอกกว้างและตรอกแคบ: สัญลักษณ์แห่งการผสมผสานระหว่างอดีตและปัจจุบัน
ตรอกกว้าง (Kuan Alley): สัมผัสวัฒนธรรมพื้นบ้าน
ตรอกแคบ (Zhai Alley) และตรอกบ่อน้ำ (Jing Alley): วิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์และชีวิตยามค่ำคืน
การสำรวจโครงการชลประทานตูเจียงเยี่ยน (Dujiangyan): ปาฏิหาริย์แห่งภูมิปัญญาโบราณ
ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและความทรงจำในประวัติศาสตร์
การปีนภูเขาชิงเฉิง (Qingcheng): ความเงียบสงบของเทือกเขาแห่งเต๋า
ความศักดิ์สิทธิ์และความสงบของสถานที่แห่งศาสนาเต๋า
การเดินป่าและความงามตามธรรมชาติ
การเยี่ยมชมพระพุทธรูปเล่อซาน (Leshan Giant Buddha): มรดกโลกที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม
การชื่นชมพระพุทธรูปอย่างใกล้ชิด
ความอัศจรรย์ของ “พระพุทธรูปนั่งในภูเขานอน”
ประวัติศาสตร์และชีวิตสมัยใหม่ที่ผสานกันอย่างกลมกลืน
เฉิงตู (Chengdu) เป็นเมืองที่ฉันปรารถนาจะไปเยือนมาโดยตลอด เมืองโบราณและทันสมัยแห่งนี้ถูกเรียกขานว่า “ดินแดนแห่งสวรรค์” การเดินทางครั้งนี้เริ่มจากเฉิงตู (Chengdu) และมุ่งสู่เอ๋อเหมยเล่อซาน (Emei-Leshan) โดยมีแผนจะไปเยือนสถานที่สำคัญ เช่น กว้างจ้ายซยงจื่อ (Kuanzhai Alley) ซึ่งเป็นตรอกโบราณ โครงการชลประทานตูเจียงเยี่ยน (Dujiangyan) ภูเขาชิงเฉิง (Qingcheng) และพระพุทธรูปเล่อซาน (Leshan) ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลก ทุกสถานที่ล้วนเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันรุ่มรวย
จุดแรกของการเดินทางคือกว้างจ้ายซยงจื่อ (Kuanzhai Alley) ซึ่งเป็นตรอกโบราณในเมืองเฉิงตู (Chengdu) ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ เป็นย่านที่เก่าแก่และมีสถาปัตยกรรมแบบราชวงศ์ชิงที่สวยงาม ประกอบด้วยตรอกสามสายที่เรียงกัน ได้แก่ ตรอกกว้าง (Kuan Alley) ตรอกแคบ (Zhai Alley) และตรอกบ่อน้ำ (Jing Alley) ซึ่งสะท้อนถึงเสน่ห์ของวัฒนธรรมดั้งเดิมในขณะเดียวกันก็มีบรรยากาศสมัยใหม่
ตรอกกว้าง (Kuan Alley) เป็นจุดเด่นในการแสดงวัฒนธรรมชีวิตพื้นเมืองดั้งเดิม ภายในมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวิถีชีวิตของชาวเฉิงตู (Chengdu) ในยุคราชวงศ์หมิง เราสามารถชมการแสดงหุ่นเงาและหุ่นเชิดไม้ รวมถึงสัมผัสความงดงามของศิลปะการปักผ้าจีนแบบโบราณ
หลังจากเดินชมตรอกกว้าง (Kuan Alley) ฉันก็เข้าสู่ตรอกแคบ (Zhai Alley) ที่นี่มีบรรยากาศที่เรียกว่า “สโลว์ไลฟ์” เน้นการค้าปลีกและสินค้าแบรนด์เล็ก ๆ เช่น ร้านกาแฟและชา บรรยากาศเงียบสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อนและดื่มด่ำบรรยากาศ
ในช่วงเย็นฉันเดินเข้าสู่ตรอกบ่อน้ำ (Jing Alley) ซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์ เป็นศูนย์รวมชีวิตยามค่ำคืนของเฉิงตู (Chengdu) เดินไปสักพักฉันแวะชิมอาหารท้องถิ่นอย่าง “ฮั่วกัว” (Hot Pot) หรือหม้อไฟที่ขึ้นชื่อของเมือง และชิมเสี่ยวหลงเปา (Xiao Long Bao) ซาลาเปานึ่งไส้น้ำซุปอุ่น ๆ เป็นรสชาติที่อร่อยและแปลกใหม่
เช้าวันต่อมาฉันเดินทางไปยังตูเจียงเยี่ยน (Dujiangyan) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองตูเจียงเยี่ยน (Dujiangyan City) โครงการชลประทานที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉินและมีอายุเกือบสองพันปี โครงการนี้ถือเป็นตัวอย่างของภูมิปัญญาด้านการจัดการน้ำของชาวจีนโบราณ และยังคงใช้ได้ดีมาจนถึงปัจจุบัน
โครงการชลประทานตูเจียงเยี่ยน (Dujiangyan) มีสามส่วนหลักคือ ปลายปลา (Fish Mouth) ที่ช่วยแบ่งสายน้ำ เขื่อนปล่อยน้ำทราย (Flying Sand Weir) ที่ช่วยลดการไหลท่วม และประตูขวดแก้ว (Bottle-Neck Channel) ที่ช่วยควบคุมการไหลของน้ำไปยังทุ่งนา ระบบชลประทานนี้มีบทบาทสำคัญในการเพาะปลูกในภูมิภาคเฉิงตู (Chengdu Plain) เป็นภูมิปัญญาที่สอดคล้องกับธรรมชาติอย่างน่าทึ่ง
ระหว่างการเดินเที่ยว ฉันได้รู้จักกับเรื่องราวเกี่ยวกับหลี่ปิง (Li Bing) ผู้สร้างโครงการนี้ ที่ถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในใจของชาวบ้าน เขาเป็นบุคคลในตำนานที่มีรูปปั้นตั้งอยู่ที่โครงการชลประทาน เป็นการย้ำเตือนถึงคุณูปการของเขาในการปกป้องเมืองจากอุทกภัย การได้เดินบนแผ่นหินที่มีอายุยาวนานและฟังเรื่องราวเหล่านี้ทำให้ฉันซาบซึ้งถึงความรักในชีวิตและภูมิปัญญาของคนโบราณ
หลังจากออกจากตูเจียงเยี่ยน (Dujiangyan) ฉันเดินทางต่อไปยังภูเขาชิงเฉิง (Qingcheng Mountain) ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของศาสนาเต๋า ภูเขาแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า “สถานที่เงียบสงบของเฉิงตู (Chengdu)” มีทิวทัศน์ที่งดงามและบรรยากาศเงียบสงบ
ภูเขาชิงเฉิง (Qingcheng Mountain) เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยวัดและโบสถ์ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเต๋า อากาศบนภูเขาสดชื่นและเย็นสบาย ฉันเดินผ่านศาลาและบันไดหินที่สลับซับซ้อน เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของธูปสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบ ณ ที่แห่งนี้ ผู้คนมาเพื่อแสวงหาความสงบและความเป็นธรรมชาติ ความงดงามของป่าเขาและศิลปะสถาปัตยกรรมทำให้ที่นี่เป็นดั่งสถานที่หลีกหนีจากโลกภายนอก
ภูเขาชิงเฉิง (Qingcheng Mountain) มีเส้นทางเดินป่าที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ ฉันใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเดินขึ้นไปตามเส้นทาง หยุดพักเพื่อชมวิวทิวทัศน์ ป่าเขาที่เต็มไปด้วยสีเขียวและลำธารที่ไหลเบา ๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเติมพลังให้กับจิตใจ
ในวันสุดท้าย ฉันได้เดินทางไปยังพระพุทธรูปเล่อซาน (Leshan Giant Buddha) ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกที่ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำหมินเจียง (Minjiang River) แม่น้ำชิงอี (Qingyi River) และแม่น้ำตู้ (Dadu River) พระพุทธรูปนี้เป็นพระพุทธรูปหินสลักที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงถึง 71 เมตร และเป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาและความมั่นคง
ฉันเลือกเดินไปยังจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นพระพักตร์ของพระพุทธรูปได้อย่างใกล้ชิด พระพักตร์ของท่านมีความสุภาพและสงบ สร้างความรู้สึกอันศักดิ์สิทธิ์อย่างลึกซึ้ง การได้มองเห็นพระหัตถ์ที่วางอยู่บนเข่าด้วยความมั่นคงเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมาก
เบื้องหลังของพระพุทธรูปเล่อซาน (Leshan Giant Buddha) คือเทือกเขาอู๋โหย่วซาน (Wuyou Mountain) ซึ่งประกอบด้วยยอดเขาเล็กใหญ่ สร้างภาพลักษณ์คล้ายพระพุทธรูปนอน เป็นการสอดคล้องระหว่างธรรมชาติและศาสนาในแบบที่น่าอัศจรรย์ เมื่อมองจากที่ไกล เราสามารถเห็นภาพพระพุทธรูปที่สงบนิ่งนอนอยู่ภายใต้ภูเขาอันกว้างใหญ่ ให้ความรู้สึกถึงความสงบและความเชื่อศรัทธาของผู้คน
การเดินทางสามวันนี้ทำให้ฉันได้สัมผัสถึงความเป็นเอกลักษณ์ของเสฉวน (Sichuan) เฉิงตู (Chengdu) ที่ผสมผสานวัฒนธรรมและชีวิตสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว กว้างจ้ายซยงจื่อ (Kuan Zhai Xiang Zi) แสดงให้เห็นถึงชีวิตแบบเรียบง่ายและสมัยใหม่ของคนเฉิงตู (Chengdu) โครงการชลประทานตูเจียงเยี่ยน (Dujiangyan) เป็นตัวอย่างของภูมิปัญญาด้านการจัดการน้ำ ภูเขาชิงเฉิง (Qingcheng Mountain) ให้ความรู้สึกถึงศรัทธาและธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และพระพุทธรูปเล่อซาน (Leshan Giant Buddha) เป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธาและศิลปะการแกะสลักโบราณที่ยิ่งใหญ่
การเดินทางครั้งนี้ทำให้ฉันเข้าใจถึงความหมายของคำว่า “ดินแดนแห่งสวรรค์” ที่ไม่ใช่เพียงแค่ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นภูมิปัญญาและความศรัทธาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุ