Demo Image

ข่าวล่าสุดและบล็อก

การเดินทางช่วยให้เราเข้าใจความหมายของชีวิตและช่วยให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น ทุกการเดินทางเราจะมองโลกด้วยสายตาใหม่

จิ่วไจ้โกว: สมบัติล้ำค่าทางธรรมชาติและวัฒนธรรม

สารบัญ

จิ่วไจ้โกว: สมบัติล้ำค่าทางธรรมชาติและวัฒนธรรม

บทนำเขตสงวนธรรมชาติจิ่วไจ้โกวแห่งชาติ

สี่โซนหลักของจิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou)

ซูเจิ้งโกว (Shuzheng Valley):

เจ๋อฉาว่าโกว (Zechawa Valley):

รือเจ๋อโกว (Rize Valley):

จ๋าหรูโกว (Zharu Valley):

คุณค่าทางนิเวศและการวิจัยของจิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou)

คุณค่าทางวัฒนธรรมและประสบการณ์การท่องเที่ยวของจิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou)

สรุป

 

บทนำเขตสงวนธรรมชาติจิ่วไจ้โกวแห่งชาติ

เขตสงวนธรรมชาติจิ่วไจ้โกวแห่งชาติ (Jiuzhaigou National Nature Reserve) ตั้งอยู่ในเมืองอาป้า (Aba) จังหวัดเสฉวน (Sichuan) ตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เป็นสถานที่ที่งดงามจนทำให้ผู้พบเห็นต้องตะลึง อุทยานแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่เป็นเอกลักษณ์ ระบบนิเวศที่หลากหลาย และมรดกทางวัฒนธรรมที่อุดมสมบูรณ์ ไม่เพียงแค่เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งแรกของจีนที่เน้นการอนุรักษ์ทิวทัศน์ธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติขององค์การยูเนสโก (UNESCO) อีกด้วย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A ของชาติ อุทยานธรณีวิทยาแห่งชาติ และเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายเขตสงวนชีวมณฑลของโลก ทั้งหมดนี้แสดงถึงความสำคัญระดับโลกของจิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou)。

 

จิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) เป็นจุดที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการศึกษาธรณีวิทยาและนิเวศวิทยา ด้วยภูมิประเทศหินปูนคาสต์ที่เป็นเอกลักษณ์และแหล่งน้ำที่มีการสะสมของแร่ธาตุที่เกิดจากการตกตะกอน น้ำในอุทยานแห่งนี้มีสีสันที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมและสะท้อนความใสสะอาดของน้ำเหมือนภาพวาดที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น จิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) ยังถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงและป่าดิบชื้นที่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 80% ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์หายากหลากหลายชนิด

สี่โซนหลักของจิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou)

เขตสงวนธรรมชาติจิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) แบ่งออกเป็นสี่โซนหลัก ได้แก่ ซูเจิ้งโกว (Shuzheng Valley) เจ๋อฉาว่าโกว (Zechawa Valley) รือเจ๋อโกว (Rize Valley) และจ๋าหรูโกว (Zharu Valley) แต่ละโซนมีลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่นแตกต่างกันไป และดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายด้วยความหลากหลายของธรรมชาติและธรณีวิทยาที่มีอยู่

 

ซูเจิ้งโกว (Shuzheng Valley): เป็นโซนหลักของจิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) มีความยาวประมาณ 14 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางมีทะเลสาบมากกว่า 40 แห่ง และปรากฏการณ์น้ำที่งดงามแตกต่างกันไป ซูเจิ้งน้ำตก (Shuzheng Waterfall) เป็นจุดเด่นของโซนนี้ น้ำที่ไหลลงมาจากที่สูงสร้างความรู้สึกท่วมท้นในใจผู้ที่ได้ชม ทะเลสาบฮว๋าฮว๋า (Huohua Lake) มีชื่อเสียงในเรื่องแสงระยิบระยับบนผิวน้ำเมื่อแสงอาทิตย์ส่องกระทบ

 

เจ๋อฉาว่าโกว (Zechawa Valley): เป็นทะเลสาบที่เล็กที่สุดในจิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) และได้รับการขนานนามว่า "ตาของจิ่วไจ้โกว" โดยไฮไลท์คือ เพิร์ลชอร์ (Pearl Shoal) ที่น้ำใสไหลผ่านพื้นหินกว้าง ทำให้น้ำกระเซ็นขึ้นมาเหมือนมุกนับพันลูกในแสงอาทิตย์

 

รือเจ๋อโกว (Rize Valley): โซนนี้เป็นที่รู้จักในเรื่องห้าสีทะเลสาบ (Five-Color Lake) ซึ่งตั้งอยู่ตอนบนของแม่น้ำคอนเชา (Koncha River) น้ำในทะเลสาบเปลี่ยนสีไปตามสภาพแสงและเวลาที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดความงดงามอันน่าทึ่ง

 

จ๋าหรูโกว (Zharu Valley): เป็นโซนที่เงียบสงบมากกว่าโซนอื่นๆ นักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย แต่ยังคงมีความงดงามของธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร น้ำตกจ๋าหรู (Zharu Waterfall) มีน้ำที่ไหลลงมาจากที่สูงเหมือนผ้าแพรสีขาวที่ถูกเหวี่ยงลงมา ซึ่งสร้างภาพที่งดงามและสงบเงียบ

คุณค่าทางนิเวศและการวิจัยของจิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou)

จิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) ไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญอย่างมากในด้านการอนุรักษ์และการวิจัยทางนิเวศวิทยา จิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) ตั้งอยู่ในภูเขาหมินซาน (Minshan Mountains) ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในจีน ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หายาก เช่น แพนด้ายักษ์ (Giant Panda) ระบบนิเวศภายในเขตสงวนนี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่

 

ในจิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) นักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษาปรากฏการณ์ทางนิเวศวิทยาหลากหลาย เช่น กลไกการเกิดทะเลสาบที่มีแร่ธาตุสูง การพัฒนาภูมิประเทศหินปูน และความสัมพันธ์ระหว่างความหลากหลายทางชีวภาพกับเสถียรภาพของระบบนิเวศ การศึกษาที่จิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) นั้นไม่เพียงแต่มีความสำคัญในการทำความเข้าใจกระบวนการทางธรรมชาติของโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้ข้อมูลและประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย

คุณค่าทางวัฒนธรรมและประสบการณ์การท่องเที่ยวของจิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou)

เขตปกครองตนเองอาป้าจิ่วไจ้โกว (Aba Tibetan and Qiang Autonomous Prefecture) เป็นพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ชาวทิเบต (Tibetan) และชาวเชียง (Qiang) ในท้องถิ่นยังคงรักษาวิถีชีวิตและประเพณีแบบดั้งเดิมไว้ ทำให้จิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) มีบรรยากาศทางวัฒนธรรมที่เข้มข้น นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้ในขณะที่ชื่นชมความงามของธรรมชาติ เช่น การแสดงเพลงและการเต้นรำของชาวทิเบต หรือการทำงานฝีมือแบบดั้งเดิมของชาวเชียง

 

ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวระดับชาติที่สำคัญ การจัดการและการอนุรักษ์ที่จิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) นั้นทำได้อย่างดีเยี่ยม มีการควบคุมจำนวนผู้เข้าชมอย่างเคร่งครัดเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและความสมดุลของระบบนิเวศ รวมถึงการนำมาตรการป้องกันสิ่งแวดล้อมมาใช้ เช่น การห้ามทิ้งขยะในเขตสงวนและการตั้งเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

 

สำหรับนักท่องเที่ยวหลายคน จิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) ไม่ใช่แค่เป็นการชื่นชมทัศนียภาพที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการชำระล้างจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบที่เงียบสงบ น้ำตกที่ไหลเชี่ยว หรือป่าที่เต็มไปด้วยสีสัน ล้วนแล้วแต่ทำให้ผู้คนสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่และลึกลับของธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ห้าสีทะเลสาบ (Five-Color Lake) และเพิร์ลชอร์ (Pearl Shoal) นักท่องเที่ยวมักจะรู้สึกประทับใจในความงดงามของธรรมชาติที่สร้างขึ้นมาเอง และตระหนักถึงความเล็กน้อยของมนุษย์เมื่อเทียบกับธรรมชาติ

สรุป

โดยสรุป เขตสงวนธรรมชาติจิ่วไจ้โกวแห่งชาติ (Jiuzhaigou National Nature Reserve) ไม่เพียงแต่เป็นสมบัติล้ำค่าทางธรรมชาติของจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นสมบัติที่เป็นของมนุษยชาติทั้งหมด ด้วยโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่เป็นเอกลักษณ์ ระบบนิเวศที่หลากหลาย และมรดกทางวัฒนธรรมที่อุดมสมบูรณ์ จิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก ในอนาคต เมื่อเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์และความตระหนักในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมก้าวหน้าไป จิ่วไจ้โกว (Jiuzhaigou) จะยังคงเป็นสมบัติธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของโลกต่อไป


ป้ายกำกับ